วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557
วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557
บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 7
บันทึกอนุทิน
ครั้งที่ 7
วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์จินตนา สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี 3 ตุลาคม 2557
กลุ่มเรียนที่ 104 เวลาเรียน 13.00-16.40 น.
วิธีการสอนที่ดี คือ การสาธิตการเล่น การให้เด็กลงมือปฎิบัติด้วยตนเอง การอภิปราย
วันนี้อาจารย์ให้ประดิษสื่อและให้ทุกคนได้คิดค้นวิธีเล่นกัน
โดยมีอุปกรณ์ ดังนี้
1.ด้าย 2.กระดาษ 3.กรรไกร 4.แกนกระดาษทิชชู่
วิธีการสอนที่ดี คือ การสาธิตการเล่น การให้เด็กลงมือปฎิบัติด้วยตนเอง การอภิปราย
การนำเสนอบทความ
เรื่องที่ 1
การพัฒนาทักษะพื้นฐานของเด็กปฐมวัย
เรื่องที่ 2 แสงและเงา
เรื่องที่ 3
เรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านนิทาน
เรื่องที่ 4
การสอนลูกเรื่องไฟฉาย
เรื่องที่ 5 แรงโน้มถ่วง
การนำไปประยุกต์ใช้
สามารถนำความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆในชั้นเรียนไปลองเล่นกับเด็กๆ
และให้เด็กลองสังเกตว่าจะมีวิธีการเล่นอย่างไร
และยังใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนได้อีกด้วย
การประเมินผล(Evaluation)
ประเมินตนเอง (Self)
วันนี้มาเรียนตรงต่อเวลา
การแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ตั้งใจฟังอาจารย์และร่วม ทำ กิจกรรม มีการ จดบันทึกในระหว่างอาจารย์สอน
และ ทำกิจกรรมในห้องอย่างตั้งใจ
ประเมินเพื่อน(Friends)
เพื่อนเข้าเรียนตรงต่อเวลา
เพื่อนๆให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมอย่างเต็มที่ และสนุกสนาน
กับการ ทำกิจกรรมเป็นอย่างมาก
การแต่งกาย สุขภาพเรียนร้อย เพื่อนมีการให้
ความร่วมมือในการตอบคำถาม ของอาจารย์เป็นอย่างดี
ประเมินอาจารย์(Teachers)
ในวันนี้อาจารย์มีการเตรียมสื่อมาให้นักศึกษาได้ทำและเป็นสื่อที่ง่ายไม่ซับซ้อนจนเกินไปทำให้ง่ายต่อการเรียนรู้ของเด็กและอาจารย์ก็มีการอธิบายและยกตัวอย่างจากงานที่เพื่อนๆแต่ละกลุ่มได้ทำมา
ได้เข้าใจและให้คำแนะนำกับข้อที่บกพร่องด้วย
วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557
บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 6
บันทึกอนุทิน
ครั้งที่ 6
วิชา
การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์จินตนา สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี 26 กันยายน 2557
กลุ่มเรียนที่
104 เวลาเรียน 13.00-16.40 น.
กิจกรรม อาจารย์ให้ทำกิจกรรม โดยมีอุปกรณ์ ดังนี้
วิธีการทำ
1.พับกระดาษตรงกลาง
4.จากนั้นพับกระดาษแถบที่ไม่ได้ตัดเข้าไปนิดหน่อยและนำคลิปหนีบกระดาษมาติด
เรื่องที่ 1 วิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัย นำเสนอโดย นางสาวมธุรินทร์
อ่อนพิมพ์
การสอนวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยเป็นการสอนข้อความรู้
ซึ่งต่างจากการสอนให้รู้ข้อความรู้ตรงที่การสอนข้อความรู้ต้องการความสนใจ
การสังเกต การจำ และการเรียกความจำจากความเข้าใจถ่ายโยงได้
ไม่ใช่การท่องจำซึ่งตรงกับการเรียนวิทยาศาสตร์ที่เป็นการเรียนรู้จากการให้คิดและมีเหตุผล
เกิดการเข้าใจมโนทัศน์ เชื่อสานข้อมูลประยุกต์ และสรุปเป็นข้อความรู้ได้ด้วยตนเอง
ซึ่งในการเรียนวิทยาศาสตร์เด็กต้องพัฒนาทักษะการคิดเพื่อนำไปสู่ข้อสรุปให้ได้
ตัวอย่าง เช่น เด็กเรียนเรื่องเต่ากับหนู โดยการศึกษาเปรียบเทียบ
ค้นหาข้อแตกต่างและข้อเหมือน และนำไปสู่ข้อสรุปว่า เต่ามีลักษณะอย่างไร หนูมีลักษณะอย่างไร
(Hดังนั้นการเรียนวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยจึงมิใช่การสอนให้รู้ข้อความรู้
เพราะเด็กไม่สามารถรับความรู้นามธรรมได้
เด็กปฐมวัยต้องเรียนรู้วิทยาศาสตร์จากประสบการณ์
เรื่องที่ 2 วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
นำเสนอโดย นางสาวจุฑาทิพย์ เขตนิมิตร
เด็กเล็กๆมีธรรมชาติที่เป็นผู้ความอยากรู้อยากเห็น
ชอบใช้คำถามว่า ทำไม
อย่างไรสามารถแสวงหาความรู้จากสิ่งต่างๆรอบตัวเขาและเริ่มเข้าใจสภาพแวดล้อมที่เขาอาศัยอยู่
เด็กสามารถสังเกตและสื่อสารเกี่ยวเรื่องดิน หิน อากาศและท้องฟ้า
เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุ พลังงานจากแม่เหล็ก แสงและเสียง
เด็กสามารถสำรวจลักษณะของน้ำและความร้อน
สิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กปฐมวัยเริ่มการทำงานทางวิทยาศาสตร์
เด็กสามารถแก้ปัญหาต่างๆโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการเรียนรู้เรื่องอื่นๆได้มากมาย
กิจกรรมวิทยาศาสตร์ส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญาโดยทำให้เด็กได้รับความรู้
พัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เช่น การสังเกต การจำแนกประเภท การเรียงลำดับ
การวัด การคาดคะแน และการสื่อสาร รวมทั้งทักษะการแสวงหาความรู้
กิจกรรมวิทยาศาสตร์ทำให้เด็กสนใจวัตถุและเหตุการณ์
เด็กเล็กมีวิธีการเรียนรู้คล้ายนักวิทยาศาสตร์สามารถทำงานด้วยทักษะการแสวงหาความรู้
กิจกรรมวิทยาศาสตร์ส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์
และพัฒนาการทางอารมณ์เช่นเด็กมีความรู้สึกและเจตคติทางบวก
เรื่องที่ 3 การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย นำเสนอโดย นางสาวบุษราคัม สะรุโณ
วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงชีวิตประจำวันของมนุษย์
ตลอดชีวิตของทุกคนต่างก็มีความเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น
การเรียนรู้วิทยาศาสตร์จึงมีความสำคัญที่จะทำให้คนได้พัฒนาวิธีคิด
ทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะที่สำคัญในการค้นคว้าหาความรู้
มีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่หลากหลายและ
มีประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ช่วยให้คนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษย์ขึ้น
รวมถึงการนำความรู้ไปใช้อย่างสร้างสรรค์ มีเหตุผล มีคุณธรรม
นอกจากนี้ยังช่วยให้คนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์
การดูแลรักษาตลอดจนการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืน
การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ควรเน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมมีประสบการณ์ตรง
ได้ลงมือปฏิบัติจริงโดยมีครูเป็นผู้ตอบสนองความสนในของเด็กและส่งเสริมการจัดโครงสร้างความคิดจากประสบการณ์
เพื่อพัฒนามุมมองและความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์
รวมถึงการส่งเสริมทัศนคติเกี่ยวกับการดูแลและมีความรับผิดชอบที่รักษาสิ่งต่างๆ
ที่อยู่รอบตัวอย่างเหมาะสมตามวัย
เรื่องที่ 4 สอนลูกเรื่องอากาศ นำเสนอโดย
นางสาวพรวลัญช์ คงสัตย์
เด็กปฐมวัยเป็นวัยอยากรู้อยากเห็น ช่างสงสัย เด็กมักจะมีคำถามอยู่เสมอ
ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ทำไมเป็นเช่นนั้น เรารู้ได้อย่างไร
เมื่อเด็กมีความสนใจธรรมชาติรอบตัว คำถามที่ต้องการให้ผู้ใหญ่ตอบมีหลายเรื่อง
รวมทั้งสิ่งที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น คืออากาศ เด็กมีคำถามเสมอว่า อากาศ คืออะไร
มาจากไหน ทำไมหนูจับไม่ได้ วันนี้หนูอยากอาบน้ำเพราะร้อนมาก ๆ ทำไมเป็นอย่างนั้น
หนูชอบวิ่งเล่นใต้ต้นไม้ เพราะเย็นกว่าในห้อง ทำไมเป็นเช่นนั้น
ทำไมบางครั้งลมพัดเร็วมากจนโค่นต้นไม้หักลงมาได้ ทำไมลมพัดเร็วช้าไม่เหมือนกัน
ลมพัดได้เร็วเพียงใด คำถามที่น่าสนใจของเด็ก จึงควรนำมาจัดเป็นกิจ
กรรมเรียนรู้สำหรับเด็ก เรื่องอากาศ เพื่อพัฒนาความสามารถของเด็ก
และเมื่อเด็กได้รับการตอบสนองให้สืบค้นหาคำตอบ
เด็กจะรู้สึกสบายใจที่ได้รับการตอบสนอง จึงเป็นการพัฒนาการทางอารมณ์ที่เหมาะสมให้แก่เด็กอีกด้วย
เรื่องที่ 5ฝึกทักษะสังเกตนำลูกสู่วิทยาศาสตร์
นำเสนอโดย นางสาวเนตรนภา ไชยแดง
ทักษะการสังเกตเป็นหนึ่งในทักษะขั้นพื้นฐานและจำเป็นสำหรับการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์
การสังเกต (Observation) หมายถึง
การใช้ประสาทสัมผัสอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างรวมกัน ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น
และผิวกาย เข้าไปสัมผัสโดยตรงกับสิ่งที่ต้องการเรียนรู้
เพื่อต้องการรู้รายละเอียดของสิ่งนั้น ๆ
ที่จะนำมาซึ่งการเรียนรู้ที่มากขึ้นและเด็กจะเก็บเป็นข้อมูลหรือประสบการณ์ต่อไป
จึงพูดได้อีกอย่างว่าสำหรับสำหรับเด็กๆ แล้วการสังเกตจะเกิดจากการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้านั่นเอง
และจากประสบการณ์ที่ได้รับจะทำให้การสังเกตของเด็กพัฒนาขึ้น
การสังเกตสามารถกลายเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ที่มีคุณค่า
งานของเพื่อนๆแต่ละกลุ่ม
งานของเพื่อนๆแต่ละกลุ่ม
สามารถนำความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆในชั้นเรียนไปลองเล่นกับเด็กๆ
และให้เด็กลองสังเกตว่าการที่เราหมุนของกังหัน และยังใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนได้อีกด้วย
การประเมินผล(Evaluation)
ประเมินตนเอง(Self)
วันนี้มาเรียนตรงต่อเวลา การแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ตั้งใจฟังอาจารย์และร่วมทำกิจกรรม มีการจดบันทึกในระหว่างอาจารย์สอน และ ทำกิจกรรมในห้องอย่างตั้งใจ
วันนี้มาเรียนตรงต่อเวลา การแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ตั้งใจฟังอาจารย์และร่วมทำกิจกรรม มีการจดบันทึกในระหว่างอาจารย์สอน และ ทำกิจกรรมในห้องอย่างตั้งใจ
ประเมินเพื่อน(Friends)
เพื่อนเข้าเรียนตรงต่อเวลา เพื่อนๆให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมอย่างเต็มที่ และสนุกสนานกับการทำกิจกรรมเป็นอย่างมาก การแต่งกาย สุขภาพเรียนร้อย เพื่อนมีการให้ความร่วมมือในการตอบคำถามของอาจารย์เป็นอย่างดีและแต่ละกลุ่มก็ทำงานได้สวยงามทุกกลุ่มเลย
เพื่อนเข้าเรียนตรงต่อเวลา เพื่อนๆให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมอย่างเต็มที่ และสนุกสนานกับการทำกิจกรรมเป็นอย่างมาก การแต่งกาย สุขภาพเรียนร้อย เพื่อนมีการให้ความร่วมมือในการตอบคำถามของอาจารย์เป็นอย่างดีและแต่ละกลุ่มก็ทำงานได้สวยงามทุกกลุ่มเลย
ประเมินอาจารย์(Teachers)
ในวันนี้อาจารย์มีการเตรียมสื่อมาให้นักศึกษาได้ทำและเป็นสื่อที่ง่ายไม่ซับซ้อนจนเกินไปทำให้ง่ายต่อการเรียนรู้ของเด็กและอาจารย์ก็มีการอธิบายและยกตัวอย่างจากงานที่เพื่อนๆแต่ละกลุ่มได้ทำมา ได้เข้าใจและให้คำแนะนำกับข้อที่บกพร่องด้วย
ในวันนี้อาจารย์มีการเตรียมสื่อมาให้นักศึกษาได้ทำและเป็นสื่อที่ง่ายไม่ซับซ้อนจนเกินไปทำให้ง่ายต่อการเรียนรู้ของเด็กและอาจารย์ก็มีการอธิบายและยกตัวอย่างจากงานที่เพื่อนๆแต่ละกลุ่มได้ทำมา ได้เข้าใจและให้คำแนะนำกับข้อที่บกพร่องด้วย
บันทึกอนุทิน ครั้งที่5
บันทึกอนุทิน
ครั้งที่ 5
วิชา
การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์จินตนา สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี
19 กันยายน พ.ศ.2557
กลุ่มเรียน104 เวลา 13.00-16.40 น.
ครั้งที่ 5
วิชา
การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์จินตนา สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี
19 กันยายน พ.ศ.2557
กลุ่มเรียน104 เวลา 13.00-16.40 น.
กิจกรรมในวันนี้คือ กิจกรรมวาดภาพสัมพันธ์กัน
อุปกรณ์ :
2.ไม้เสียบลูกชิ้น
3.กาว
4.เทปกาว
5.สีที่ใช้ตกแต่ง
วิธีการทำ
1. แบ่งกระดาษให้เป็น 4 ส่วนเท่าๆกัน แล้วพับกระดาษเป็น2 ด้าน คือ
ซ้าย ขวา
2.ให้วาดภาพตามจินตนาการที่มีความสัมพันธ์กัน ทั้งซ้าย และ ขวา
3.วาดภาพเสร็จแล้ว ตกแต่งระบายสีให้สวยงาม
4.นำไม้เสียบลูกชิ้นมาติดไว้ตรงกลางของกระดาษ โดยใช้เทปกาว แปะไว้
5.จากนั้น นำกาวมาติดให้กระดาษปะกบกัน
ภาพสัมพันธ์ของฉันคือ เค้กกับจาน
วิธีการเล่นการสังเกต
หมุนไม้เสียบลูกชิ้นเร็วๆ เราจะสังเกตได้ว่า รูปภาพที่วาดลงไป
ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา จะมารวมเป็นภาพเดียวกันอย่างสวยงาม
แต่บางคนที่ยังกะระยะไม่ได้เพราะพึ่งทำเป็นครั้งแรกก็มีรูปภาพที่ผิดเพี้ยนไปบ้าง
เนื้อหา/สาระ
การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
การประเมินผล(Evaluation)
ประเมินตนเอง (Self)
มีความสนใจทำที่จะทำกิจกรรมเป็นอย่างมาก เพราะอาจารย์ให้วาดรูป
ก็สงสัยว่าอาจารย์จะให้วาดไปทำไม ที่มีความสัมพันธ์กัน แล้วสุดท้ายก็ได้รู้
หลังทำกิจกรรมเสร็จ และในข้อมูลเนื้อหาการเรียนการสอน ก็ได้จดบันทึกการเรียนการสอนไว้
และเน้นหัวข้อที่สำคัญๆเพื่อเก็บไว้เป็นบันทึกการเรียนการสอน
ประเมินเพื่อน(Friends)
เพื่อนๆตั้งใจทำกิจกรรมกันมาก ทุกคน
จะนำผลงานของตนเองไปอวดอ้างกับเพื่อนที่นั่งข้างๆ
ส่วนการเรียนการสอน เพื่อนๆหลายคนก็จะจดบันทึกไว้
ในขณะที่อาจารย์ทำการสอนและอธิบายเนื้อหาให้เข้าใจ
ประเมินอาจารย์ (Teachers)
อาจารย์จะให้นักศึกษาลองทำกิจกรรมไปก่อนโดยไม่บอกว่าจะให้ทำอะไรและออกมาอย่างไร
เพื่อให้ได้จินตนาการเองจะปล่อยให้นักศึกษา ลุ้นกับกิจกรรมที่ทำ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)